“คนนั้นเค้าสมองดีมาตั้งแต่เกิด จะประสบความสำเร็จก็ไม่แปลกหรอก”
“เราไม่มีพรสวรรค์อะไรติดตัวมาเลย ก็คงได้แค่นี้แหละ”
ประโยคเหล่านี้คือสิ่งที่เราได้ยินผ่านหูมาตลอด แต่มันเป็นความจริงหรือ?
หรือจริงๆ แล้ว มันยังมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่ในคำว่า “ประสบความสำเร็จ” กันแน่
แล้วเหตุผลอะไร ที่ทำให้คนธรรมดา กลายมาเป็น “คนประสบความสำเร็จ”
เปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นคนสำเร็จ ด้วย “Grit”
ย้อนกลับไปใน TED Talk ปี 2013 Angela Lee Duckworth ยอมทิ้งเงินเดือนสูงๆ จากการเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ และผันตัวเองไปเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ (ซึ่งงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า) ให้นักเรียนมัธยมต้น (Grade 7)
เธอสังเกตเห็นว่า เด็กที่ทำได้คะแนนสูงหลายๆ คนเมื่อทดสอบ IQ แล้ว ก็ไม่ได้มีไอคิวที่เยอะอย่างเห็นได้ชัด
กลับกัน เด็กที่ฉลาด IQ ดี กลับทำคะแนนสอบออกมาได้น้อยเสียอย่างนั้น!
เวลาผ่านไปหลายปี จากการทดสอบหลายๆ แง่มุม และศึกษาต่อด้านจิตวิทยาเพิ่มเติม เธอพบว่าเด็กที่ฉลาดในโรงเรียนและฉลาดในการใช้ชีวิต หรือคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน กลับมีคุณสมบัติหนึ่งที่เฉิดฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
นั่นคือ “Grit” (ความเพียร)
ในนิยามของเธอ หมายถึง ความทุ่มเท อดทน พร้อมฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อเป้าหมาย “ในระยะยาว”
ซึ่งไม่ใช่การทำซ้ำแค่หนึ่งวัน สองสัปดาห์ หรือสามเดือน แต่ทำเป็นปี! (หรือหลายปี)
ถ้าพูดง่ายๆ การใช้ชีวิตแบบมี “Grit” ก็คือการแข่งวิ่งมาราธอน
“ไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอ แต่ถึงจุดหมายในเวลาที่กำหนด”
สร้าง Grit ด้วย “Growth Mindset”
Professor Carol Dweck จาก Stanford University ได้นำเสนอวิธีการเสริม “Grit” ได้ดีที่สุด ด้วยการมีสิ่งที่เรียกว่า “Growth Mindset” โดยเชื่อว่าความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของมนุษย์เป็นสิ่งไม่ตายตัว
ที่สำคัญคือ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ความพยายาม”
โดยวิธีการสร้างความเพียรด้วย Growth Mindset ทั้งกับตนเองและผู้อื่นสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
- ให้มองว่าความท้าทาย เป็น “โอกาสในการเติบโต”
- เรียนรู้จากความล้มเหลว และมองว่านี่คือโอกาสในการประสบความสำเร็จ
- เปิดรับสิ่งใหม่ๆ และประสบการณ์ใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเริ่มที่จะมี “Grit” ได้แล้ว
Scale’s Takeaway
1. ชีวิตไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร แต่เป็นมาราธอน
เชื่อว่าในช่วงแรกๆ หลายคนก็อยากที่จะประสบความสำเร็จเร็วๆ เราก็จะตั้งใจทำสิ่งต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความมุ่งมั่นของเราก็เริ่มจะลดน้อยถอยลง จนลืมไปเลยว่า “เราเคยทำอะไรแบบนี้ด้วยหรือ?”
มองชีวิตเป็นการวิ่งมาราธอน มีการตั้งเป้าหมายระยะสั้น กลาง ยาว พักบ้างเมื่อถึงเวลา แต่เมื่อพักแล้ว ก็อย่าลืมที่จะออกวิ่งต่อนะ
2. หาก Passion คือเชื้อเพลิงรถ Grit ก็คือแรงเข็นรถในวันที่เชื้อเพลิงหมดลง
ไม่มีใครมี Passion ได้ตลอดเวลา ในวันที่เราไม่มีแรงหรืออารมณ์ที่อยากทำสิ่งใดๆ เลย แต่งานของเราต้องเดินต่อไป
Grit จะเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีที่คอยเตือนสติให้เรารู้ว่า “ความสำเร็จของเราต้องมีคนขับเคลื่อนต่อ”
และคนที่จะขับเคลื่อนได้ ก็มีเพียงตัวเราเท่านั้น
3. ไม่มีใครสามารถสร้าง Grit ในตัวคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง
ผู้ฟังหลายท่านถามคุณ Angela Lee Duckworth ว่าทำอย่างไรให้ลูก นักเรียน พนักงาน มี Grit ในตัวมากขึ้นในระยะยาว? เธอตอบกลับมาว่า “ไม่รู้เลย แต่อย่างน้อยไม่ใช่เรื่องพรสวรรค์แน่ๆ”
ซึ่งก็สรุปได้ง่ายๆ ว่า “ของแบบนี้เป็นเรื่องของใครของมัน ต้องสร้างขึ้นมาเอง”
แต่ถ้าเราอยากไปถึงเป้าหมายนั้น “จริงๆ” ยังไงก็ตาม เราก็จะต้องไปให้ถึงให้ได้อย่างแน่นอน
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จด้วย “Grit” ถ้าใครเอาไปทำตามแล้วได้ผลยังไงก็อย่าลืมเอามาแชร์กันนะ
อ้างอิง