ถ้าให้นึกถึงธุรกิจยุคใหม่ ที่เติบโตจากการเป็น Startup ที่ตอบโจทย์ Pain Point ของลูกในยุคปัจจุบันนี้ ก็คงจะนึกขึ้นมาได้หลายชื่อ หนึ่งธุรกิจที่นึกขึ้นมาได้ในหัว และช่างเข้ากันกับช่วงเวลาแห่งการปาร์ตี้สังสรรค์ในเดือนธันวาคม-มกราคมนี้ คือบริการ U Drink I Drive
บริการนี้เป็นที่รู้จักเพราะด้วยโมเดลธุรกิจที่โดนใจสายปาร์ตี้ดื่มหนัก ที่มักจะมีปัญหาต้องกลับบ้านแต่ก็กลัวด่านไม่อยากขับเอง จนต้องมี 1 ผู้เสียสละในกลุ่ม รับบทเป็น “เดอะแบก” ดื่มน้อยๆ คอยประคองสติและส่งเพื่อนกลับบ้านได้โดยไม่ต้องกลัวใบสั่ง
เพราะธุรกิจของ U Drink I Drive คือบริการเรียกคนขับรถมารับส่งนักดื่มให้กลับจากปาร์ตี้ได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องมีเดอะแบก ไม่ต้องเรียกแท็กซี่กลับแล้วทิ้งรถตัวเองไว้ให้ต้องระแวง เรียกว่าตอบโจทย์สายทิ้งตัวได้ดีเลย
การตลาดในช่วงแรกแบรนด์มีการดีลกับพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ผับ บาร์ บริเวณย่านเอกมัย-ทองหล่อเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ปัจจุบันทางแบรนด์หันมาจับกลุ่มลูกค้ามีฐานะมากขึ้นเพราะหลังจากที่เปิดตัวไปได้สักพักแล้วพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้รถหรู จึงได้มีการเทรนพนักงานและเพิ่มบริการพรีเมียมด้วยรถซุปเปอร์คาร์ขึ้นมา
ด้วยการปรับกลยุทธ์และบริการให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย บวกกับโอกาสทางเศรษฐกิจที่คนกลับมาท่องเที่ยวสังสรรค์กันเยอะขึ้นอีกครั้ง ทำให้ในปี 2023 ยอดใช้บริการของ U Drink I Drive ก็เพิ่มขึ้นมาถึง 20% เลย และมีแผนจะจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติและลูกค้าองค์กรเป็นลำดับต่อไป
[Scale’s Takeaways]
1. สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ลูกค้าระหว่างจุด A ไปจุด B
เรียก U Drink I Drive ต่างจากกลับแท็กซี่ยังไง? ตอนที่รู้จักบริการนี้ แน่นอนว่ามันต้องมีคำถามนี้ผุดขึ้นในหัวกันบ้าง เพราะลองคิดๆ ดูแล้วทั้ง 2 แบบก็คือมีคนขับรถให้เหมือนกัน กลับถึงบ้านเหมือนกัน
ยิ่งเป็นธุรกิจบริการ สิ่งที่สำคัญก็คือ ‘ปรสบการณ์’ นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ธุรกิจนี้ ‘ขายออก’ เพราะถึงแม้จะกลับแบบไหนก็ถึงบ้านเหมือนกัน แต่แบรนด์นี้ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ระหว่างเดินทางที่พิเศษกว่าด้วยฟีลเหมือนเป็นคุณหนูคุณชาย เหนื่อยมาทั้งปี ปาร์ตี้สักทีก็ให้รางวัลตัวเองด้วยฟีลเหมือนมีคนขับรถส่วนตัวก็คงจะเพลินดีเหมือนกัน
2. โมเดลที่สร้างรายได้จากความกลัวของคน
U Drink I Drive เป็นอีกหนึ่งบริการที่เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่สร้างจาก ‘ความกลัว’ ของคน นอกจากบริการคนขับรถส่วนตัวแล้ว แบรนด์เขายังไปดีลกับประกันภัยเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยระหว่างการให้บริการ ทั้งกับรถ คน และทรัพย์สินของลูกค้าด้วย
ถือว่าเป็นโอกาสธุรกิจของคนที่มองออกว่าจะมีสินค้าหรือบริการแบบไหนที่สามารถบรรเทาความกลัวเหล่านั้นแล้วสร้างเป็นรายได้ได้บ้าง ในตลาดยังมีธุรกิจที่สร้างจากความกลัวอีกมาก ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น ธุรกิจประกันภัย, สินค้ากล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ เป็นต้น
3. ยกระดับบริการ = เพิ่มมูลค่าธุรกิจ
ความจริงบริการเช่าคนขับรถส่วนตัว ก็ไม่ใช่บริการที่แปลกใหม่ของโลกนี้นัก เราอาจจะเคยเห็นจากในซีรีส์ที่มีคนมาแจกนามบัตรหน้าผับบอกว่าจะขับรถไปส่งกันบ้าง แต่ก็ใช่ว่าคนขับรถทุกคนจะขับรถทุกคันเป็น
การลงทุนระบบเทรนนิ่งให้พนักงาน ‘พร้อม’ สำหรับการให้บริการ ไม่ว่าจะเจอรถลูกค้าแบบไหนก็ขับไปส่งได้อย่างปลอดภัยและมืออาชีพ เป็นหมัดฮุกที่ยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ U Drink I Drive ทำให้ลูกค้าติดใจ และสร้างลูกค้าประจำได้เรื่อยๆ
สรุป
ตอนนี้ใครที่พอจะมีไอเดียที่ตอบโจทย์ Pain Point ได้ แล้วลังเลว่าไอเดียนั้นเป็นไอเดียที่ดีพอหรือยัง จะมีโอกาสในตลาดที่เล็กเกินไปไหม ลองคิดดูว่า เราไม่ใช่คนเดียวที่มีปัญหานี้ แล้วถ้ามีสิ่งที่พอจะมาช่วยแก้ปัญหานี้ให้เราได้ เราจะซื้อไอเดียนั้นรึเปล่า
ค่อยๆ ลองทำแล้วพัฒนาไป สักวันธุรกิจเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นจากการเรียนรู้นั้นเอง
อ้างอิง