ระหว่างพยายามไขว่คว้าความสำเร็จ ไม่ว่าในสายงานไหน เราก็มักจะเจอ “คนพิเศษ” คือคนที่มีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นอย่างโดดเด่น ทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วยเวลาเท่าๆ กันอยู่เสมอ
หลายคนก็พยายามเอาชนะคนพิเศษเหล่านี้ด้วยความพยายาม หรือก็คือพยายามทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา และเชื่อว่านี่คือความ Productive แต่น่าเสียดายที่ในความเป็นจริงนั้น หลายครั้งเราไม่ได้กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างที่คิด แต่เราคือคนที่คิดว่าตนเองกำลังก้าวไปข้างหน้าทั้งที่ยังคงติดอยู่กับที่
แล้วการ Productive แบบปลอม ๆ เกิดจากอะไร
ถามว่าแล้วสาเหตุคืออะไร แน่นอนว่าก็มาจากการลงแรงในเรื่องที่ผิด ไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องอะไร ตั้งแต่การเรียน การทำงาน หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว การลงแรงผิดที่ย่อมพาเราไปผิดทาง กลายเป็นว่าถึงเราจะลงแรงลงไปมหาศาลขนาดไหน มันก็ไม่ได้พาเราไปที่ไหนเลย
โดยการลงแรงผิดเรื่องมักจะมาจากการขาดการทบทวนตนเอง เราตกอยู่ในวงจรของชีวิตประจำวัน แล้วทำซ้ำไปเรื่อยๆ โดยคิดว่าเรากำลังก้าวไปข้างหน้า และก็ค่อยๆ ก้าวในทางที่ผิดออกไปไกลเรื่อยๆ
แต่แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ทุกคน บางคนอาจโชคดีเดาถูกว่าตนเองควรลงแรงกับอะไรตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น โดยเฉพาะในโลกที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นตลอดเวลา การพึ่งพาการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวก็ย่อมมีความเสี่ยง
ดังนั้นความหมายของ Productivity จริงๆ จึงไม่ใช่เพียงการมีวินัย และการทำงานหนัก แต่มันต้องเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการวิเคราะห์ ทบทวนตนเองบ่อยๆ ไปด้วย หมั่นตั้งคำถามอยู่เสมอว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่จะพาคุณไปสู่เป้าหมายได้หรือเปล่า
แล้วด้วยการถามคำถามแบบนี้ซ้ำๆ เราก็จะมั่นใจได้ว่าแรงที่เราลงจะไม่ใช่เพื่อการทำให้ตนเองดูเป็นคนยุ่ง ๆ ที่ไม่ทำให้เราก้าวไปไหน แต่เป็นการ Productive ในเรื่องที่สำคัญด้วยการทำในเรื่องที่ควรทำสำหรับตัวคุณเองจริงๆ
นอกจากนั้นแทนที่จะทำเต็มที่ด้วยเวลาไม่จำกัดกับทุกๆ เรื่อง คุณอาจลองใส่ข้อจำกัดเรื่องเวลาในการทำเรื่องต่างๆ ดู บางครั้งเราก็สร้างแรงจูงใจง่ายๆ ให้ตนเองได้ด้วยการตั้งเดดไลน์ และเดดไลน์นี่แหละที่จะเป็นตัวลดเวลาที่เราเสียไปเปล่าๆ กับเรื่องไม่สำคัญ แล้วเอาเวลาไปลงกับเรื่องที่สำคัญจริงๆ ตั้งแต่ต้น
Scale’s Takeaways
1. เข้าใจความหมายของคำว่า Productivity
Productivity ไม่ได้เกิดจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการทบทวนตนเองไปด้วยจนเดินไปในทางที่ตนเองตั้งใจไว้ ที่สำคัญคือ Productivity ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่เรื่องงาน แต่ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าคุณจะวางให้เรื่องไหนเป็นเรื่องที่ Productive สำหรับคุณบ้าง
2. หมั่นทบทวนตนเองเป็นประจำ
กันเวลาอย่างน้อยเดือนละครั้งไว้ทบทวนตนเองว่าคุณกำลังเดินไปในทางที่คุณต้องการหรือเปล่า เพื่อเป็นการกันไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ให้แรงที่เราลงนั้นสูญเปล่า
3. วางเดดไลน์ปลอม
หลายครั้งแรงจูงใจจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อเดดไลน์กำลังใกล้เข้ามา การวางเดดไลน์ปลอมจึงเป็นวิธีหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับกระตุ้นให้ตนเองใส่แรงในเรื่องที่เหมาะสม
สรุป
กล่าวโดยสรุป Productivity นั้นไม่ใช่การทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา แต่คือการหาบาลานซ์ที่เหมาะสมกับตัวเราเอง ทั้งเรื่องงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ การพักผ่อน ว่าจะให้เวลากับแต่ละอย่างมากน้อยขนาดไหน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้ชีวิตอย่างมีวินัย และทบทวนตนเองอย่างสม่ำเสมอ
อ้างอิง
หนังสือ Productivity Flow