“ถ้าคุณสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้นานถึง 21 วัน คุณก็จะสามารถทำสิ่งนั้นได้ต่อไป”
“เพียงแค่ 21 วัน คุณก็สามารถสร้างนิสัยใหม่ๆ ได้”
เชื่อว่าคุณคงเคยได้ยินหรือเห็นประโยคนี้จากที่ไหนสักทีแน่ๆ
แต่คำถามที่ตามมาคือ มันง่ายขนาดนั้นจริงๆ หรือ? ใช้แค่ 21 วันเองเหรอ?
หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่ในประโยคนี้? แล้วถ้าไม่ใช่ 21 วัน แล้วมันควรจะเป็นกี่วันดี?
กฎ 21 วันมาจากไหน?
จุดเริ่มต้นกฎนี้มีในช่วงปี 1950 ซึ่งมาจากศัลยแพทย์ที่ชื่อว่า Maxwell Maltz โดยคุณหมอได้เขียนหนังสือเรื่อง Psycho-Cybernetics ที่ทำยอดขายถล่มทลายถึง 30 ล้านเล่ม!
ซึ่งกฎ 21 วันก็มาจากการที่คุณหมอสังเกตว่า เวลาคนไข้ศัลยกรรมหน้าใหม่หรือใส่แขนขาเทียมแทนแขนขาเดิมที่ถูกตัดออก พวกเขาจะใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับมันประมาณ 21 วัน คุณหมอจึงได้อธิบายในหนังสือไว้ว่า ถ้าอยากให้พฤติกรรมเปลี่ยนไป ต้องใช้เวลา “อย่างน้อย 21 วัน” ในการสลัดภาพพฤติกรรมเก่าๆ ออกไป และทำพฤติกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาแทน
ย้ำอีกครั้งว่า “อย่างน้อย 21 วัน ไม่ใช่ภายใน 21 วัน” ซึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องทำนิสัยต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ เกิน 21 วันนั่นเอง
แล้วการสร้างนิสัยใหม่มันควรจะใช้เวลากี่วันกันแน่?
ในปี 2013 ได้มีการศึกษาวิจัยใหม่ออกมาจาก Phillippa Lally นักวิจัยด้านจิตวิทยาสุขภาพที่ University College London โดยการทดลองกับคน 96 คน ในช่วง 12 สัปดาห์
ซึ่งคำตอบของการทดลองนี้คือ “ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 66 วัน” ในการเปลี่ยนนิสัยใหม่ๆ ให้ทำโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ เวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนนิสัยนั้น ก็ยังไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่เราอยากเปลี่ยน และสถานการณ์ด้วย เพราะคนในการทดลองของ Lally นั้น ก็ยังมีคนที่ใช้เวลาเปลี่ยนนิสัยเพียงแค่ 18 วัน ไปจนถึง 254 วันเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนนิสัยให้ตัวเองดื่มน้ำตอนเช้าทุกวัน ก็ย่อมทำได้ง่ายและเปลี่ยนพฤติกรรมได้เร็วกว่าการเปลี่ยนตัวเองให้ออกมาวิ่งวันละ 3 กิโลเมตรทุกเช้าอยู่แล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากเปลี่ยนนิสัยใหม่ๆ ให้สำเร็จ ก็ควรจะให้เวลากับตัวเองอย่างน้อยสัก 2 เดือนถึง 8 เดือน ให้เคยชินกับนิสัยเหล่านั้นเสียก่อน
เพราะฉะนั้น ถ้าใครอยากเปลี่ยนตัวเองฉับพลันทันใดใน 21 วัน ก็ต้องใจดีกับตัวเอง และให้เวลาตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้อีกนิดนึงนะ
Scale’s Takeaways
1. การเปลี่ยนนิสัย ต้องทำน้อยๆ แต่ทำนานๆ
เวลาเราเปลี่ยนนิสัยช่วงแรกๆ เราก็ย่อมฮึกเหิม อยากจะพัฒนาตัวเองได้เร็วๆ
ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มวิ่งวันละ 5 กิโลเมตรทุกเช้า (แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยออกกำลังกาย ตื่นเช้าไม่ต้องพูดถึง), อ่านหนังสือวันละเล่ม (ถึงแม้ก่อนหน้านั้นไม่เคยแตะเลยก็ตาม)
สุดท้ายก็พบว่าเราทำได้แค่สัปดาห์เดียว แล้วก็พับแผนเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
ลองเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น ถ้าไม่เคยออกกำลังกาย ลองเดินก่อนสัก 1 กิโลเมตรทุกเช้าดีไหม แล้วถ้าไหว ก็ค่อยเพิ่มเป็น 2, 3 หรือ 5 กิโลเมตร
ลองเริ่มทำจากเป้าหมายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างนิสัยให้ทำนานๆ ได้นั่นเอง
2. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ 21 วัน
James Clear ผู้เขียนหนังสือชื่อดังอย่าง Atomic Habits ได้กล่าวไว้ในบทความเรื่องความเข้าใจกฎ 21 วันไว้ว่า “หากมีคนพูดอะไรบางอย่างมากพอ คนก็จะเริ่มเชื่อสิ่งนั้นๆ”
จาก “อย่างน้อย 21 วัน” กลายเป็น “ภายใน 21 วัน” ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดให้กับคนมากมายว่า “สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ภายใน 21 วัน ง่ายนิดเดียว”
การเปลี่ยนนิสัย ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป ฉะนั้น จงให้เวลากับตัวเองมากขึ้นอีกนิด (อย่างน้อยก็มากกว่า 21 วันนะ)
3. Track พัฒนาการในการเปลี่ยนนิสัย
ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการเปลี่ยนตัวเองมากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เราต่างรู้กันดีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบทำ (เราก็อยากตื่นสาย อยากกินของหวาน ขนม ชาบู หมูกระทะมากกว่ากินอกไก่อยู่แล้ว)
ซึ่งนั่นจะทำให้เราเกิดความรู้สึกเบื่อและอยากล้มเลิก แต่อย่าลืมที่จะ Track พฤติกรรมตัวเองด้วย
ไม่ใช่เพราะว่าเราจะมานั่งจับผิดตัวเองว่าทำแล้วหรือยัง แต่การ Track พฤติกรรมจะทำให้เรารู้ว่า “เราเดินทางมาไกลขนาดไหนแล้ว ถ้าเดินต่ออีกนิด เราต้องทำได้แน่นอน”
สรุป
การเปลี่ยนนิสัยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนทำไม่ได้ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยนะ!
แล้วนิสัยแบบไหนที่คุณอยากเปลี่ยนแปลง ลองมาแชร์ให้เราฟังได้นะ
อ้างอิง
