Manifest สู่สิ่งที่ปรารถนาด้วย 7 ขั้นตอน

01 FeatureIMG W Scale Knowledge 4

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีสิ่งที่ปรารถนาอยู่ในใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรให้สิ่งนั้นกลายเป็นจริง “Manifest (จิตดลบันดาล)” อาจเป็นเวทมนตร์ที่พาคุณไปสู่ชีวิตที่ฝันถึง

Manifest คืออะไร? 

Manifest คือปรัชญาการพัฒนาตนเองให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ดีที่สุด โดยเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเป็นผู้คุมชะตาชีวิตของตนเองและสามารถทำให้ชีวิตเป็นไปตามสิ่งที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ความรัก และความฝัน ด้วยการทำตาม 7 ขั้นตอนจาก Roxie Nafousi โค้ชพัฒนาตนเอง และผู้เชี่ยวชาญด้าน Manifest 

7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา

1. มองภาพให้ชัดเจน 

ยิ่งเรานึกภาพเป้าหมายหรือสิ่งที่ต้องการได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรามีโอกาสไปสู่สิ่งนั้นได้มากขึ้น ดังนั้นการออกแบบความฝันให้เจาะจงมากที่สุดและนึกถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้รับสิ่งนั้นมาแล้วจะช่วยให้ดึงดูดสิ่งนั้นมา อาจสร้าง Vision Board โดยเลือกสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นคิดว่าเหมาะหรือดีต่อตัวเรา เพื่อช่วยให้เห็นภาพสิ่งที่ต้องการอย่างเจาะจงมากยิ่งขึ้น

2. ขจัดความกลัวและความกังขา

ทุกคนล้วนมีความกลัวและความกังวลอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบความความไม่มั่นใจ ความรู้สึกไร้ค่า และความเชื่อที่บั่นทอนซึ่งเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และไม่ได้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ดังนั้นจะต้องระบุความกลัวทั้งหมดและจัดการกับความคิดเหล่านั้นด้วยการฝึกรักตนเองผ่านการเคารพความรู้สึกของตนเอง เรียนรู้จากข้อผิดพลาดเพื่อที่จะเติบโต และให้อภัยตนเอง

3. ปรับพฤติกรรม

การ Manifest ไม่ใช่การมองภาพให้ชัดเจนแล้วรอเฉยๆ จนกว่าสิ่งนั้นจะมาหาเราแต่จะต้องลงมือทำจนกว่าจะกลายเป็นสิ่งนั้น แน่นอนว่าในการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ เรามักจะมีความอึดอัดอยู่ในใจและต้องการกลับไปทำอะไรเดิมๆ แบบที่เราสบายใจ แต่หลักของ Manifest สอนให้เราก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยแล้วเรียนรู้การใช้ชีวิตในพื้นที่ใหม่ๆ จนกว่าจะรู้สึกสบายใจไปเอง

4. เอาชนะบททดสอบของจักรวาล

อุปสรรคอาจจะมาในรูปแบบของคน สิ่งท้าทายต่างๆ หรือการขอให้เรายอมรับบางสิ่งที่ด้อยกว่าสิ่งที่เราคู่ควร ดังนั้นเมื่อเราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการจะต้องเข้มแข็ง เชื่อมั่นและเดินหน้าต่อไปเพื่อกำจัดความรู้สึกเหล่านั้นจนกว่าเราจะเจอสิ่งที่เราคู่ควร

5. โอบรับความสำนึกรู้คุณ (โดยปราศจากเงื่อนไข)

มีคนเคยพูดไว้ว่า “หัวใจที่สำนึกคุณคือแม่เหล็กที่ดึงดูดสิ่งมหัศจรรย์” ดังนั้นอารมณ์ของเราถึงเป็นตัวแปรสำคัญ การรู้สึกพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโดยที่ไม่มีเงื่อนไขโดยจดบันทึกความสุขจากเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันก่อนนอนจะช่วยให้เราเพลิดเพลินระหว่างทางไปสู่ความฝันและช่วยเปลี่ยนอารมณ์ในด้านลบเป็นอารมณ์บวก

6. เปลี่ยนความริษยาเป็นแรงบันดาลใจ

บ่อยครั้งที่เรารู้สึกแย่กับชีวิตตัวเองหลังจากที่เล่นโซเชียลมีเดียแล้วเห็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบของคนอื่น บางครั้งก็เผลอเปรียบเทียบชีวิตของตนเองกับคนอื่นจนรู้สึกอิจฉาสิ่งที่อาจจะไม่ใช่ความจริงด้วยซ้ำ ดังนั้นการลองทำ Social Detox และเปลี่ยนความคิดจากความอิจฉาให้กลายเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันเพื่อไปสู่สิ่งที่เราอยากเป็นจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมอยากให้เป็น

7. ไว้วางใจในจักรวาล

“ความลับของการได้สิ่งที่เราปรารถนาในชีวิตคือการรู้ว่าเราปรารถนาสิ่งใด และเชื่อว่าเราสามารถมีสิ่งนั้นได้”- Norman Vincent Peale เราควรเชื่อมั่นและมั่นใจว่าเราคู่ควรกับสิ่งที่เราต้องการและรอให้อารมณ์ด้านบวกนี้ดึงดูดสิ่งที่เราต้องการเข้ามา บางครั้งอาจจะต้องปล่อยวางและรอคอยเวลาที่ใช่เพื่อให้ได้สิ่งที่คู่ควรมาในเวลาที่เหมาะสม

Scale’s Takeaways

1. ทุกคนคือนักออกแบบชีวิตของตนเอง

บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอาจเคยสับสนถึงตัวตนที่แท้จริงของเราว่าเราต้องการอะไร และเราเป็นใครกันแน่ เพราะยึดติดกับตัวเองในอดีตและตัวตนที่เราคิดว่าควรจะเป็นในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันเราอาจจะเป็นอีกคนที่ต่างจากอดีตและอนาคตโดยสิ้นเชิง อย่าลืมว่าเราสามารถออกแบบชีวิตของเราได้เองและมีพลังมากพอที่จะปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นชีวิตที่เราต้องการได้เสมอ

2. High Vibe VS Low Vibe

อารมณ์ของเราแบ่งเป็น 2 ขั้วคือ High-vibe หรืออารมณ์ทางด้านบวก และ Low-vibe หรืออารมณ์ในด้านลบ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องกฎแรงดึงดูดมาแล้วว่าสิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดกัน ถ้าเราคิดไปในด้านลบ ก็จะดึงดูดเรื่องร้ายๆ เข้ามา ในทางกลับกันถ้าคิดเรื่องบวก ก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามา ซึ่งกฎนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Manifest หรือจิตดลบันดาลนั่นเอง

3. การลงมือทำสำคัญพอๆ กับการตั้งเป้าหมาย

Robin Shama เคยกล่าวไว้ว่า “ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นสองครั้ง ครั้งแรกในใจ จากนั้นก็ในความเป็นจริง” แม้เราจะมีภาพในหัวถึงสิ่งที่ฝันชัดเจนและละเอียดแค่ไหน แต่ถ้าขาดการลงมือทำจริง สิ่งที่เราฝันอยู่อาจจะเป็นได้เพียงแค่ความฝัน เมื่อมีภาพชัดเจนแล้ว ควรหาทางที่จะไปสู่สิ่งนั้นโดยเริ่มลงมือทำสิ่งที่คู่ควรกับความฝันนั้น

สรุป

เมื่อมีความฝัน เราต่างก็ต้องการทำให้ฝันนั้นกลายเป็นจริง Manifest เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่จะช่วยให้เราหันมามองตนเองว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไร และจะสามารถไปถึงสิ่งนั้นได้อย่างไร โดยที่ไม่ลืมการรักตัวเองและใช้ชีวิตให้ดีที่สุด 

ถ้าเพื่อนๆ อยากติดตามเรื่องราวหรือเทคนิคในพัฒนาตนเองที่น่าสนใจ อย่าลืมติดตามไว้เลย!

อ้างอิง

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ติดตาม scale เพื่อเติมความรู้ดีๆ ใส่สมองก่อนใคร!

เราสัญญาว่าจะเติมแต่ความรู้ดีๆ ใส่สมองของคุณ :)

ติดตามต่อทาง Social Media

นอกจากอีเมลแล้ว คุณยังสามารถติดตามคอนเทนต์ดีๆ ผ่าน Social Media ได้เช่นกัน

เราสัญญาว่าจะเติมแต่ความรู้ดีๆ ใส่สมองของคุณ :)

ติดตามเราทาง Facebook

เราสัญญาว่าจะเติมแต่ความรู้ดีๆ ใส่สมองของคุณ :)

กดปุ่มนี้

Scroll to Top