ในทุกวันนี้สิ่งที่จะทำให้คนๆ หนึ่งประสบความสำเร็จนั้นมีปัจจัยอยู่หลายอย่าง และหนึ่งอย่างที่คนสำเร็จมีเหมือนกันก็คือ “ทัศนคติ” การมีทัศนคติที่ดี จะนำพาความคิดไปสู่การกระทำที่จะแสดงผลลัพธ์จากทัศนคติเหล่านั้น
วันนี้เลยอยากมาแนะนำปรัชญาเกี่ยวกับ “ทัศนคติของผู้ชนะ” ที่มีชื่อว่า Mamba Mentality เป็นแนวคิดของตำนานบาสเกตบอลผู้ล่วงลับอย่าง Kobe Bryant ที่เขาได้ใช้แนวคิดนี้จนทำให้เขาประสบความสำเร็จในอาชีพ จนกลายเป็นหนึ่งในนักบาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกคนหนึ่ง
หลักการของ Mamba Mentality มีอะไรบ้าง อะไรคือแก่นแท้ของปรัชญานี้ ที่อาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนธรรมดา ให้กลายเป็นผู้ชนะได้ในทุกสนามของชีวิต ลองมาอ่านกันดูครับ
Mamba Mentality คืออะไร
สิ่งนี้คือหลักการในการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด หรือเป็นตัวเองที่ดีกว่าเมื่อวาน ซึ่งกลั่นกรองมาจากประสบการณ์โดยตรงของ Kobe Bryant ที่เขาได้ใช้แนวคิดนี้ในการพัฒนาตัวเอง จนกลายเป็นนักบาสที่เก่งที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลาหนึ่ง
แก่นสำคัญของแนวคิดนี้จะเป็นการปรับสภาพจิตใจให้มีความกระหายในความสำเร็จ เปลี่ยนตัวเองให้พร้อมชนกับทุกอุปสรรค เมื่อเจอกับโจทย์ยากในชีวิต จะไม่อ่อนข้อหรือคิดมาก แต่จะหาวิธีต่อสู้และทลายขีดจำกัดของตัวเอง
เป็นปรัชญาที่ให้อารมณ์เหมือนคนที่ Active สุดๆ จนดูทำตามได้ยาก แต่เบื้องหลังของแต่ละขั้นตอนล้วนมีเหตุผลที่ละเอียดอ่อนต่อจิตใจ จนไม่ว่าใครก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ อีกทั้งสามารถเปลี่ยนสภาพจิตใจให้เข้มแข็งได้อย่างมหาศาล
โดย Mamba Mentality ประกอบไปด้วยทั้ง 5 สิ่งนี้
1. ค้นหาสิ่งที่เราหลงใหลให้เจอ (Passion)
เราทุกคนต่างมีความถนัดและความชอบของตัวเอง การเริ่มต้นทำอะไรที่เราชอบ จะทำให้เราทุ่มเทกับสิ่งนั้นได้อย่างมีพลัง และที่สำคัญเราจะทำสิ่งนั้นได้นาน
สมัยเด็กโคบี้ได้ทดลองเล่นกีฬาหลากหลายประเภท แต่เขาก็มาหลงใหลกับบาสเกตบอล และหลังจากนั้นเขาก็ทุ่มเทให้กับกีฬานี้อย่างมากขนาดที่ว่า เขายอมสละเวลาที่ต้องอยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง เพื่อแลกมากับความสำเร็จในกีฬาชนิดนี้เลยทีเดียว
สิ่งสำคัญคือ “การเลือก” ว่าเราจะทุ่มเทให้กับอะไร การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวจะเป็นสิ่งที่ทำให้เป้าหมายของเราชัดเจน จากนั้นกระบวนการพัฒนาก็จะมีพลังที่ผลักดันเราในทุกขั้นตอนของการไปให้ถึงเป้าหมาย
2. การใส่ใจทุกรายละเอียดของการทุ่มเท (Obsessiveness )
เมื่อเราได้สิ่งที่เราจะทุ่มเทให้แล้ว จากนั้นคือวิธีการพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการแบบไหนก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องมีอยู่เสมอนั่นคือ “รายละเอียด” การลงรายละเอียดในระดับที่คนอื่นอาจจะมองว่ามากเกินไป จะทำให้เรามีสิ่งที่คนอื่นไม่มี และมันจะช่วยให้เราเติบโตนำหน้าคนทั่วไป
โคบี้เล่าว่าช่วงแรกๆ ตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาใน NBA เขาไล่โทรศัพท์หาตำนานนักบาสเกือบทุกคน และขอคำแนะนำในการเล่น หรือที่โคบี้ตื่นมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำการซ้อม ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาปกติที่ใครจะตื่นนัก โคบี้ให้เหตุผลว่าถ้าเขาซ้อมในช่วงเวลาดังกล่าว เขาจะได้ซ้อมมากกว่าคนอื่นที่ตื่นมาซ้อมในช่วงเวลาปกติ
ในโลกนี้เปอร์เซ็นของคนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยกว่าคนทั่วไป เพราะฉะนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จ เราก็แค่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ธรรมดา เก็บทุกรายละเอียดที่คนทั่วไปอาจมองข้าม และพัฒนาตัวเองในแบบที่ไม่ต้องแคร์สายตาใคร เมื่อถึงวันที่เราสำเร็จ ทุกคนจะหันมามองเราเอง
3. เอาความล้มเหลวมาใช้ผลักดันตัวเอง (Relentlessness)
ในการเดินทางสู้เป้าหมาย สิ่งที่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จล้วนพบเจอเหมือนกันก็คือ “ความล้มเหลว” ยิ่งเป้าหมายสูงและยากมากเท่าไหร่ ก็ต้องพบเจอกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากขึ้นเท่านั้น
แต่สิ่งสำคัญคือ “ทัศนคติที่มีต่อความล้มเหลว” ทุกครั้งที่เราพลาด เราจะเห็นจุดอ่อนของตัวเองมากขึ้น ว่าเรายังขาดอะไรที่จำเป็นในการก้าวข้ามอุปสรรคนั้น รวมไปถึงมองเห็นจุดที่เราทำได้ดีมากขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาจนสร้างตัวตนที่โดดเด่นขึ้นมาได้
ในตอนเด็กทีมโคบี้ได้พ่ายแพ้ให้กับทีมๆ หนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้เขาอับอายมาก แต่สิ่งที่เขาทำคือเขาย้อนกลับมาดูแทบการเล่น จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนเพื่อปิดจุดอ่อนที่เขาทำพลาดในการแข่ง ขณะเดียวกันก็พัฒนาจุดแข็งของตัวเองไปด้วย ผลลัพธ์ที่ออกมาในการแข่งครั้งนั้นคือ โคบี้เอาชนะทีมคู่แข่งได้ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในสนามอีกด้วย
การล้มลงไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่การล้มแล้วไม่ลุกต่างหากคือความพ่ายแพ้ที่แท้จริง
4. รู้จักยืดหยุ่น ทำสิ่งที่ควรทำ และก้าวไปอย่างมั่นคง (Resilience)
หลักการข้อนี้เป็นสิ่งที่โคบี้ตระหนักได้ตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บที่อาจทำให้เขาไม่สามารถเล่นใน NBA ได้อีก ตอนนั้นเขาโกรธตัวเองมาก ที่เขาไม่สามารถเพิ่มศักยภาพของเขาได้ในช่วงเวลาบาดเจ็บ
จนกระทั้งโคบี้ก็ได้ค้นพบความยืดหยุ่นในการไปให้ถึงเป้าหมาย ตอนนั้นเขามองว่าสิ่งที่เขาควรทำมากที่สุดคือการ “พักผ่อน” ไม่ใช่การฝึกซ้อม
การมีความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งการมุ่งมั่นมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือการตระหนักรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำในแต่ละช่วงเวลา มีความยืดหยุ่นกับตัวเอง และมุ่งไปยังเป้าหมายด้วยความสบายใจ
5. เอาชนะความกลัวในใจ (Fearlessness)
ไม่มีใครเอาชนะความกลัวได้ ในตอนที่เราลงมือทำอะไรสักอย่างความกลัวจะทำหน้าที่ของมันโดยอัตโนมัติ เราจะกลัวการเริ่มต้น กลัวความล้มเหลว กลัวเสียเวลา กลัวว่าทางที่เลือกนั้นจะผิด
แต่สิ่งสำคัญคือทางเลือกหลังจากเรารับรู้ถึงความกลัวเหล่านั้น ว่าจะไปต่อทั้งๆ ที่กลัว หรือจะยอมแพ้ให้กับมัน ไม่มีอะไรการันตีกว่าถ้าเลือกไปต่อ แล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่อย่างน้อยการไม่ยอมแพ้ ก็ไม่มีทางทำให้เราเป็นคนล้มเหลวได้อย่างแท้จริง
ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่ต้องกำจัด แต่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเมื่อไหร่ที่มีความกลัว มักจะมีความสำเร็จบางอย่างรออยู่หลังจากนั้นเสมอ
Scale’s Takeaways
1. Mentality (จิตใจ) คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
จากแนวคิด Mamba Mentality สิ่งสำคัญที่สุดในการจะทำอะไรสักอย่างก็คือ Mentality (จิตใจ) สภาวะจิตใจของเราเป็นแบบไหน ก็จะส่งผลต่อการกระทำของเราแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็น การตัดสินใจ การรับมือกับความล้มเหลว อารมณ์ที่แสดงออก ฯลฯ
การรักษา Mentality (จิตใจ) ให้อยู่ในสภาวะที่ดีนั้น จึงมีอิทธิพลอย่างมาก ในการนำพาให้ใครสักคนไปถึงเป้าหมาย และกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในที่สุด
2. ใช้ “แรงฮึด” รักษาจิตใจ ใช้ “วินัย” ไปสู่ความสำเร็จ
ในตอนที่เราต้องเผชิญกับความล้มเหลว “แรงฮึด” ที่เกิดจากสิ่งกระตุ้นบางอย่าง เช่น หนัง, การ์ตูน, หนังสือ คือสิ่งที่ทำให้เราก้าวข้ามช่วงเวลาที่เลวร้ายได้
แต่ “วินัย” ในการทำสิ่งจำเป็นที่นำไปสู่เป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
3. “มุมมอง” ที่ดี จะทำให้เราไม่กลัวความล้มเหลว
ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่มาควบคู่กับความสำเร็จเสมอ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องมีมุมมองที่เปิดกว้าง และมองหาสิ่งดีๆ ในอุปสรรค หากเราสามารถมองความล้มเหลวเป็นบทเรียนได้ เราก็จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลในทุกครั้งที่เราล้ม และนั่นจะทำให้เราเติบโตอย่างยั่งยืน
สรุป
Mamba Mentality คือหนึ่งในปรัชญาการพัฒนาตัวเองที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาจิตใจให้เป็นผู้ชนะ ไม่ใช่ชนะคู่แข่งแต่เอาชนะเป้าหมายของตัวเอง การมีแนวคิดใดแนวคิดหนึ่งเป็นที่พึ่ง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยดูแล Mentality (จิตใจ) ของเราได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ใครที่กำลังตั้งเป้าหมายในชีวิต แต่ต้องพบเจอกับทางตันที่ดูเหมือนจะไปต่อไม่ได้ หวังว่าแนวจาก Kobe Bryant นี้ จะเป็นหนึ่งในวิธีการให้เพื่อนๆ ตามหาความฝันของตัวเองเจอ และทุ่มเทไปสู่ฝันนั้นอย่างมีประสิทธิภาพนะครับ
อ้างอิง