ถ้าพูดถึงอาหารรสชาติเผ็ดลิ้นชา ทุกคนนึกถึงอะไร?
แน่นอนว่าคนไทยที่ชื่นชอบการทานอาหารรสจัดเป็นชีวิตจิตใจจะต้องนึกถึง “หมาล่า” อาหารจานโปรดของหลายคน แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วคำว่า “หมาล่า” นั้นไม่ได้เป็นชื่อของอาหารอย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็นชื่อของรสชาติเผ็ดร้อนของอาหารนั่นเอง
หมาล่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน?
มาจากคำว่า หมา ( 麻 ) ที่แปลว่า “ชา” กับ ล่า ( 辣 ) ที่แปลว่า “เผ็ด” โดยเป็นความรู้สึกเผ็ดและชาในปากหลังจากที่ทานอาหารเข้าไป ซึ่งรสชาตินี้มาจากพริกไทยเสฉวน หรือ “ฮวาเจียว( 花椒 )และเครื่องเทศอื่น อย่างกระเทียม พริกแห้ง ขิง อบเชย โป๊ยกั๊ก เมล็ดเทียนข้าวเปลือก และ เมล็ดกระวานดำ ที่เคี่ยวในน้ำมัน
หลายที่เล่าว่าหมาล่ามีที่มาจากตลาดกลางคืน มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในช่วงศตวรรษที่ 19 เนื่องจากหมาล่ามีสรรพคุณช่วยถนอมอาหารและสามารถกำจัดกลิ่นคาว กลิ่นสาบของเครื่องในสัตว์ อย่างเลือด กระเพาะ และไตทำให้นิยมกันในหมู่ของคนงานในท่าเรือ หลังจากนั้นหมาล่าก็ได้แพร่หลายออกไปตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศจีน รวมถึงในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
สำหรับที่ประเทศไทยนั้น หมาล่ามาจากจังหวัดเชียงใหม่ที่มีชาวจีนอาศัยอยู่เยอะ หลังจากนั้นค่อยแพร่หลายไปที่จังหวัดอื่นๆ จนกลายเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศไทย
ทำไมถูกใจคนทั่วโลก?
รสชาติที่ลืมไม่ลง
เอกลักษณ์ของหมาล่าคือรสชาติที่จัดจ้าน เผ็ดร้อนและชาที่ลิ้นซึ่งหาได้ยากจากอาหารเมนูอื่นๆ ทำให้ถูกใจคนที่รักในการทานอาหารรสจัด หมาล่าไม่ได้ให้รสเผ็ดอย่างเดียว แต่ยังให้รสเปรี้ยว เผ็ด และกลิ่นหอมที่ผสมผสานจากเครื่องเทศและสมุนไพรหลายชนิดทำให้หมาล่ากลายเป็นรสชาติที่หลายคนลืมไม่ลง
ความหลากหลายของเมนู
หมาล่าที่เราคุ้นเคยแน่นอนว่าต้องเป็นรูปแบบซุปหมาล่าในสุกี้หม้อไฟที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน แต่จริงๆ แล้วหมาล่านั้นสามารถนำไปประยุกต์ทำอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งผงหมาล่าในปิ้งย่าง ข้าวผัดหมาล่า หมาล่าผัดแห้ง เต้าหู้นึ่งราดซอสหมาล่า หมาล่าทั่ง และยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมายที่ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบอาหารในรูปแบบที่แตกต่างกัน
สะดวกและรวดเร็ว
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หมาล่ากลายเป็นเมนูในใจหลายคนเพราะหมาล่าเป็นอาหารที่สามารถทำได้ไม่ยากและเสร็จเร็วทำให้หมาล่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องทานอาหารในช่วงเวลาสั้นๆ หรือคนที่ต้องการทานอาหารที่อร่อยและไม่รอนานในวันที่เร่งรีบนั่นเอง
Scale’s Takeaways
1. มื้ออาหารที่ใช่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
ในยุคนี้สังเกตได้ว่าอาหารที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้อาจจะไม่ใช่อาหารที่รสชาติดีเพียงอย่างเดียว แต่การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าหลายคนคำนึงถึงเช่นเดียวกัน ท่ามกลางยุคที่ทุกคนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ การทานอาหารที่ทั้งอร่อยและรวดเร็วอย่างหม่าล่าจึงดูดลูกค้าได้
2. ประโยชน์ต้องควบคู่กับความอร่อย
เมื่อก่อนเราอาจจะเคยได้ยินวลีที่บอกว่า ‘หวานเป็นลม ขมเป็นยา’ แต่ปัจจุบันมีอาหารที่หลากหลายมากขึ้นและอาหารที่อร่อยก็สามารถสร้างประโยชน์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากพืชหลากหลายรสที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพแต่ก็ยังคงความอร่อยไว้ หรือแม้แต่หมาล่าที่สีสันจัดจ้าน แต่ก็สามารถให้ประโยชน์ทั้งด้านพลังงาน กระตุ้นระบบประสาท ต้านอนุมูลอิสระ และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้อีกด้วย
3. ความชอบที่เลือกสรรได้เอง
อีกหัวใจสำคัญที่ทำให้หมาล่ากลายเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับคนยุคใหม่เนื่องจากลูกค้าสามารถเลือกได้เองว่าต้องการทานอะไรบ้าง เช่น หมาล่าหม้อไฟที่เป็นกระแสโด่งดังไปทั่ว ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ผักชนิดไหน เนื้อสัตว์ หรือเครื่องในอะไรในหม้อของตนทำให้แต่ละคนได้รสชาติที่ใช่และถูกใจสำหรับตนเอง
สรุป
หม่าล่าเป็นเมนูยอดฮิตที่โดนใจคนทั่วประเทศ ด้วยความที่มีรสชาติโดดเด่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และให้ประโยชน์แก่ร่างกายของเรานั่นเอง แล้วเพื่อนๆ ชอบหมาล่าเมนูไหน? อย่าลืมมาแชร์กัน!
อ้างอิง
- https://www.wongnai.com/recipes?q=%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2
- https://patchesandpetals.com/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99/
- https://blog.hungryhub.com/en/what-is-mala/
- https://tu.ac.th/thammasat-081165-arts-chinese-expert-talk-mala-fever