เมื่อวิกฤตโลกร้อนมาเยือน การเดินหน้าหาวิธีจัดการและป้องกันวิกฤตนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประเทศของเราต่างก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนเพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง อย่างการผลิตไฟฟ้าและการผลิตพลาสติกที่มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยในการดักจับก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อน ซึ่งหนึ่งในนวัตกรรมที่หลายธุรกิจต่างกำลังศึกษาในปัจจุบันก็คือ Carbon Capture Storage หรือ CCS
CCS คืออะไร?
CCS ย่อมาจาก Carbon Capture Storage หรือเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมทางอุตสาหกรรมและการผลิตพลังงานเพื่อนำไปกักเก็บไว้ในชั้นหินใต้ดินหรือชั้นดินที่ลึกใต้พื้นผิวโลกเพื่อทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ไม่เข้าสู่บรรยากาศและลดการกระทบทางสภาพอากาศนั่นเอง
CCS ทำไมถึงเป็นทางรอดของโลกร้อน?
ที่หลายธุรกิจหันมาสนใจเทคโนโลยีนี้เนื่องจาก CCS เป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีความทันสมัยและสามารถดักจับก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากอุตสาหกรรมได้มากถึง 90% เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีการลดก๊าซเรือนกระจกแบบอื่นๆ CCS ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถดักจับและกักเก็บคาร์บอนได้จริง ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างก็เห็นไปในทางเดียวกันว่าการใช้ CCS จะสามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซตามความตกลงปารีสและเป็นทางรอดของวิกฤตโลกร้อนเพื่อพาประเทศไทยไปถึงเป้าหมาย Net Zero ในอนาคตนั่นเอง
ในประเทศไทยมีการใช้ CCS หรือยัง?
สำหรับในประเทศไทยได้เริ่มศึกษาและพัฒนาโครงการ CCS ครั้งแรกในปี 2564 โดยปตท.สผ. ได้เริ่มพัฒนาโครงการอาทิตย์ในอ่าวไทย โดยตรวจสอบและประเมินความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนของชั้นหินใต้ดินเบื้องต้นออกแบบกระบวนการดักจับและกักเก็บ และการเจาะหลุมสำหรับกักเก็บแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทางวิศวกรรมเบื้องต้น และคาดว่าจะเริ่มใช้เทคโนโลยี CCS ในโครงการอาทิตย์ได้ในปี 2569 และสามารถเก็บคาร์บอนใต้ผืนดินได้มากกว่า 5 แสนตันต่อปี
Scale’s Takeaways
1. ความสำเร็จต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
การนำเทคโนโลยี CCS มาใช้ในไทย ไม่ใช่แค่เพียงการศึกษาจากอุตสาหกรรมที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ต้องอาศัยทั้งความร่วมมือจากภาครัฐบาลและองค์กรหลายๆ ฝ่ายเพื่อส่งเสริมในด้านนโยบาย ด้านกฎหมาย ด้านการลงทุน รวมถึงด้านการสื่อสารและการให้ความรู้กับประชาชน
2. เงินลงทุนที่มากพอเป็นหัวใจสำคัญ
อีกปัจจัยที่จะช่วยให้ CCS ประสบความสำเร็จ นอกจากการร่วมมือของทุกภาคส่วนแล้วยังต้องอาศัยเงินลงทุนที่มากพอด้วยเพื่องจากเทคโนโลยี CCS นั้นมีต้นทุนค่อนข้างสูง ทั้งการพัฒนา การติดตั้ง และการดำเนินการทำให้อาจมีผลกระทบต่อความคุ้มค่าของการใช้งาน CCS จึงเป็นข้อจำกัดของหลายธุรกิจที่ต้องการนำ CCS มาใช้ในธุรกิจของตน
3. อย่าลืมพิจารณาข้อจำกัด
ในการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในธุรกิจ หลายคนมองว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยนั้นเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งก็อาจจะจริง แต่การใส่ใจและให้ความสำคัญกับข้อจำกัดก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
สรุป
เทคโนโลยี CCS เป็นอีกเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพในการกักเก็บคาร์บอนอย่างมาก ปัจจุบันมีหลายธุรกิจในไทยที่กำลังศึกษาและพัฒนาอย่างจริงจัง ในอนาคตเราคงได้เห็นเทคโนโลยีนี้ถูกใช้กันในหลากหลายธุรกิจ
อนาคตจะมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรที่ช่วยลดวิกฤตโลกร้อนบ้าง ถ้าอยากรู้กดติดตาม Scale ไว้เลย!
อ้างอิง
- https://www.pttep.com/th/Sustainability/Carbon-Capture-And-Storage/Ccs-Returns-Co2-To-Where-It-Comes-From.aspx
- https://theactive.net/read/ccs-global-warming/
- https://energyfactor.exxonmobil.asia/th/reducing-emissions/carbon-capture-and-storage/what-is-carbon-capture-and-storage/
- https://www.mmthailand.com/%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B8%97-%E0%B8%AA%E0%B8%9C-%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2-ccs-%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81/