ถ้าพูดถึง “การบินไทย” ยูนิฟอร์มชุดไทยของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหรือชุดแอร์โฮสเตสคงเป็นสิ่งแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง จนกระทั่งมีวลีเรียกสายการบินนี้ว่า “ป้าม่วง” ที่มาจากสีประจำสายการบิน และยูนิฟอร์มชุดไทยสีม่วงที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดีกว่า 60ปี
ล่าสุดการบินไทยเพิ่งจะเปิดตัวชุดยูนิฟอร์มใหม่ พร้อมใช้งานต้อนรับปีใหม่ 2024 ที่กำลังจะมาถึง แม้จะเป็นยูนิฟอร์มชุดไทยเหมือนเดิม แต่เบื้องหลังของชุดนี้กลับพิเศษกว่าที่คิดด้วยการใช้เส้นไหมไทยผสมผสานกับเส้นใยแปรรูปจากวัสดุรีไซเคิลออกมาเป็น “ชุดไทยรักษ์โลก” ตอกย้ำเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2050 ด้วยแนวคิด 3 หลักการ
เจาะ 3 แนวคิดเบื้องหลังยูนิฟอร์มใหม่
FROM PLANES TO PLANET (การบินเพื่อสิ่งแวดล้อม)
ด้วยความที่การบินไทยต้องการไปถึงเป้าหมาย Net Zero ในอีก 20 กว่าปีข้างหน้า การประยุกต์ใช้ยูนิฟอร์มที่ทำมาจากพลาสติกก็นับหนึ่งในวิธีการรักษาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย เนื่องจากปกติยูนิฟอร์มแบบเก่าจะเป็นผ้าไหม 100% แต่ยูนิฟอร์มใหม่ใช้ตัวไหมเพียง 30% และใช้ขวดน้ำพลาสติกที่ถูกทิ้งบนเครื่องบิน 70% ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกลงได้ประมาณ 54 ขวดต่อชุด อีกทั้งการใช้เส้นใยพลาสติกรีไซเคิลยังช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตผ้าและช่วยลดการใช้พลังงานในการซักและอบชุดเมื่อเทียบกับการใช้ผ้าไหม 100%
FROM WASTE WEALTH (การพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ)
การใช้ขวดน้ำพลาสติกเป็นวัสดุหลักในการผลิตยูนิฟอร์มแทนการใช้ตัวไหมทำให้การบินไทยสามารถนำขยะรีไซเคิลมาใช้ให้เกิดประโยชน์และคุณค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งคุ้มค่าทั้งในแง่ของการใช้งานและเพิ่มคุณค่าทางด้านเศรษฐกิจให้กับขยะเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แทนที่จะทิ้งขวดพลาสติกในเที่ยวบินหนึ่งกว่า 300 ขวดไปเฉยๆ ก็สามารถนำมาผลิตยูนิฟอร์มที่มีประโยชน์ได้ถึง 5 ชุด ซึ่งในอนาคตการบินไทยมีแผนที่จะปรับปรุงชุดเชฟ และชุดพยาบาล โดยนำเครื่องแบบเก่ามาผลิตเป็นเส้นใยใหม่ขึ้นมาอีกด้วย
FROM PURPLE TO PURPOSE (จากใจสู่ความยั่งยืน)
ปัจจุบันการบินไทยมีเส้นทางบินเฉลี่ย 120 เที่ยวบินต่อวันทั่วโลก และมีพนักงานหญิงบนเครื่องบินให้บริการ 600 – 700 คนต่อวัน เนื่องจากผู้โดยสารของการบินไทยมากกว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ การที่พนักงานสวมชุดไทยนับเป็นการเผยแพร่อัตลักษณ์ความเป็นไทยและวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก อีกทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำให้แก่สายการบินเองด้วย นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนนโยบายให้พนักงานต้อนรับแต่งชุดไทยมาจากบ้านได้เลย ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้พนักงานต้อนรับภูมิใจในความเป็นไทยและวัฒนธรรมไทยรูปแบบหนึ่ง
นอกจากการปรับเปลี่ยนให้ยูนิฟอร์มตอบโจทย์กับเป้าหมาย Net Zero Emission แล้ว อนาคตเราอาจจะเห็นโครงการและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าจับตามองจากหลากหลายสายการบินที่ต้องการลดช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF-Sustainable Aviation Fuel) มาใช้ทำการบิน ซึ่งเป็นการนำผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรไทยมาเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์การบริหารงานทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
Scale’s Takeaways
1.การสร้างเอกลักษณ์กับความยั่งยืนเป็นเรื่องที่สามารถทำควบคู่กันได้
หลายคนอาจเข้าใจว่า สิ่งของที่มี “เอกลักษณ์” จะต้องแพง โดดเด่น นำสมัย แต่จริงๆ แล้วเรื่องของเอกลักษณ์กับความยั่งยืนก็สามารถไปด้วยกันได้ เช่น การบินไทยรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างยูนิฟอร์มที่ตอบโจทย์ความเป็นไทย แถมยังมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ต้องการอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เรียกได้ว่าเป็นการสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไปพร้อมกับพัฒนาความยั่งยืน
2.มีคุณค่า หรือ ไม่มีคุณค่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
แน่นอนว่าแต่ละคนให้คุณค่าในสิ่งที่แตกต่างกันออกไป บางอย่างที่เรามองว่ามีคุณค่าอาจไม่มีคุณค่าในสายตาของคนอื่น บางอย่างที่คนอื่นให้คุณค่า อาจจะไม่สำคัญสำหรับเรา ที่สำคัญคือเราควรแน่วแน่ในคุณค่าที่เรามองเห็น อย่างการที่การบินไทยมองเห็นคุณค่าของขวดพลาสติกที่ผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบินทิ้งไว้ แล้วนำมาเพิ่มคุณค่าให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
3.อัตลักษณ์และวัฒนธรรมไทยบางอย่างสามารถประยุกต์ใช้ได้ทุกสมัย
ในมุมมองของคนรุ่นใหม่หลายคน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามักจะชอบเสพอะไรที่ทันสมัยและตามกระแส แต่เชื่อว่าอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของไทยบางอย่างนั้นมีสเน่ห์มากกว่าที่จะปล่อยให้ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับชุดไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้จะไม่ได้ใส่ในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นชุดที่สื่อถึงความเป็นไทยได้อย่างดี เมื่อการบินไทยต้องการชูอัตลักษณ์ประจำชาติไปพร้อมกับทำภารกิจ Net Zero การนำเส้นไหมผสมผสานกับเส้นใยพลาสติกก็เป็นอีกทางที่ช่วยให้การบินไทยสามารถเผยแพร่อัตลักษณ์ความเป็นไทยในขณะที่รักษ์โลกไปด้วยได้
สรุป
นอกจากการปรับเปลี่ยนให้ยูนิฟอร์มตอบโจทย์กับเป้าหมาย Net Zero Emission แล้ว อนาคตเราอาจจะเห็นโครงการและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าจับตามองจากหลากหลายสายการบินที่ต้องการลดช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF-Sustainable Aviation Fuel) มาใช้ทำการบิน ซึ่งเป็นการนำผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรไทยมาเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์การบริหารงานทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ถ้าอยากรู้ว่าจะมี Solution อะไรที่ตอบทั้งธุรกิจและสิ่งแวดล้อมไปในตัว กดติดตาม Scale ไว้ได้เลย
อ้างอิง