เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ทางทีมได้รับเกียรติในการร่วมงาน Southeast Asia Technology Conference 2024 และมีโอกาสสัมภาษณ์กับคุณ Bob Wouters, CEO ของ Pi Securities หรือ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านการลงทุนชั้นนำของประเทศไทย สามารถซื้อขายหลักทรัพย์แบบครบวงจร ถึงวิสัยทัศน์ ความแตกต่างของ Pi ท่ามกลางคู่แข่งในอุตสาหกรรมมากมาย และในอนาคตจะเติบโตแบบยั่งยืนได้อย่างไร ไปทำความรู้จักกับคุณ Bob Wouters และ Pi Securities พร้อมๆ กันในบทความนี้เลยค่ะ
บ๊อบ เวาเทอร์ส (Bob Wouters) ปัจจุบันเป็น CEO ของ Pi Securities ได้เริ่มเข้ามารับตำแหน่งช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ที่ผ่านมา ชายผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการปฏิรูปองค์กรโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงิน โดยก่อนหน้านี้เคยรับตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัท FWD Thailand และเคยเป็นผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท โบลท์เทค ประเทศไทย โดยมีความรับผิดชอบทั้งในธุรกิจนายหน้าประกันภัยแบบดิจิทัลและการปกป้องอุปกรณ์ของโบลท์เทคภายใต้ชื่อ ดีไวซ์ โพรเท็คชั่น
และนอกเหนือจากประสบการณ์ข้างต้น คุณบ๊อบยังมีประสบการณ์กว่า 12 ปีในการปฏิรูปองค์กร การปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ความเป็นดิจิทัลและการผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจในประเทศไทย และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้คุณบ๊อบพร้อมที่จะพา Pi Securities ก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำและพร้อมตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ไทย
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า Pi Securities คืออะไร และทำอะไรบ้าง?
Pi Securities หรือ บริษัทหลักทรัพย์ พาย เราเป็นผู้ให้บริการด้านการลงทุนชั้นนำของประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 58 ปี เริ่มต้นกิจการในปี 1966 และพึ่งมีการเปลี่ยนชื่อเป็น Pi Securities เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ด้วยชื่อ ‘Pi Securities’ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและไปในทิศทางเดียวกัน คือ เราจะมุ่งเน้นปฏิรูปองค์กรสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และพัฒนาแอปพลิเคชั่น Pi Financial และบริการด้านการลงทุนที่เปิดกว้าง ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการทางการลงทุนให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย เป็นแพลตฟอร์มที่ครบจบในที่เดียว (All-In-One Platform)
นอกจากนี้เรายังเป็นสมาชิกหมายเลข 3 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกด้วย
วิสัยทัศน์หรือเป้าหมายของคุณในอนาคตอยากจะพา Pi Securities เติบโตไปในทิศทางไหน?
อย่างที่ทราบกันว่าเราเป็นบริษัทหลักทรัพย์อิสระรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คำว่า “อิสระ” ในที่นี้หมายถึง เราไม่ได้เป็นบริษัทลูกของธนาคารใดๆ ในขณะที่บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์บางแห่งมีบริษัทอื่นๆ อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งการเป็นบริษัทอิสระนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้พวกเรา Pi Securities มีความคล่องตัวมากกว่า
นอกจากนี้ เรามีความตั้งใจที่จะเป็นผู้นำในด้านการเปลี่ยนแปลง และยกระดับธุรกิจการซื้อขายหลักทรัพย์ในไทย ไปสู่ความเป็นดิจิทัล และด้วยความสามารถด้านเทคโนโลยี และกลยุทธ์เชิงธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลรูปแบบใหม่ ซึ่งผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถส่งมอบประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่าแก่ลูกค้าปัจจุบันของเรา และตอบรับความต้องการที่สามารถชนะใจนักลงทุนรุ่นใหม่ได้อย่างแน่นอน
คุณวางแผนที่จะสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมอย่างไร?
การเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 58 ปี ในอุตสาหกรรมที่ความเปลี่ยนแปลงอย่ารวดเร็วนี้เป็นทั้งข้อดีเพราะหมายถึงเรามีความเชี่ยวชาญ น่าเชื่อถือ ทำให้เราอยู่มาได้ยาวนานถึง 58 ปี แต่ในขณะเดียวกันในบางมุม ก็อาจจะมองว่าเป็นข้อเสียได้เช่นเดียวกัน
เพราะด้วยความที่อยู่มานาน ผู้คนอาจมองว่าเราล้าสมัยได้ หรือบางคนอาจเรียกเราว่า “สตาร์ทอัพวัย 58 ปี” ก็ได้ (หัวเราะ)
ท่ามกลางการแข่งขันที่ที่ดุเดือด และมีบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้พวกเรา Pi Securities แตกต่าง นอกจากประสบการณ์ยาวนาน 58 ปีแล้ว ก็คือเรายังมีบริการรับประกันการซื้อขายพันธบัตร มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวม และเรายังมีทีมงานด้านธนาคารเพื่อการลงทุน หรือ วาณิชธนกิจ (Investment Banking) ของเราเองด้วย
ซึ่งสิ่งที่เราพยายามทำในตอนนี้ คือ การเปลี่ยนแปลง ปรับตัว และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่าให้แก่ผู้ใช้ในประเทศไทย
เราได้ว่าจ้างบุคลากรจากหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพ เพื่อที่จะได้มุมมองใหม่ๆ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากพวกเขา เราผสมผสานบุคลากรที่มีความคิดแบบสตาร์ทอัพ เข้ากับประสบการณ์ของผู้ที่อยู่ในแวดวงหลักทรัพย์มานานหลายปี ซึ่งการผสมผสานนี้สร้างพลังงานที่ดีภายในบริษัท และด้วยวัฒนธรรมองค์กรแบบใหม่นี้ ผมเชื่อว่าเราสามารถนำเสนอบริการที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับผู้ใช้
ท่ามกลางคู่แข่งอีกมากมาย คุณจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?
เราเชื่อในคอนเซ็ปต์ของ “Digital With A Human Touch” และพลังของ “Data”
โดยสิ่งที่เราทำคือเราลงทุนมหาศาลกับข้อมูล ในอนาคตแน่นอนว่าอุตสหกรรมจะมีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากขึ้นไปอีก เพราะเทคโนโลยีสามารถทำให้คนเข้าถึงการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งคอนเซ็ปต์ของ “Digital With A Human Touch” การสื่อสารด้วยมนุษย์เพื่อสร้างความเข้าใจจะเป็นหัวใจของการเติบโตที่ยั่งยืนของธุรกิจ เมื่อมารวมกับการมี ‘Data’ ที่ดีจะช่วยให้เราตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้ดีรวมถึงวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงและเข้าใจผู้ใช้งานและทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
