สรุปจากงาน “Thailand Coffee Fest 2024” ใน Session: Behind the Scenes Specialty Coffee Awards 2024 โดยคุณณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ (นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย) และคุณณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ (นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย) และคุณกชกร อัศวพรหมธาดา (กรรมสมาคมกาแฟพิเศษไทย) และคุณวิทยา ไพศาลศักดิ์ (กรรมสมาคมกาแฟพิเศษไทย) และคุณณัฎฐ์ฐิติ อำไพวรรณ (กรรมสมาคมกาแฟพิเศษไทย)
ถอดบทเรียนและการปรับตัวจากการประกวดกาแฟไทย ยกระดับวงการผ่านการประกวดอย่างยั่งยืน
การแข่งขันทำให้วงการเดินไปข้างหน้า แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติของวงการด้วย
- การประกวดกาแฟของประเทศไทย มีการคัดเกรดที่ไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะต้องปรับวิธีการให้เข้ากับประเทศไทยตามวิธีการ Process กาแฟ เพื่อความยุติธรรมกับการให้คะแนน เนื่องจากประเทศไทยมีวิธีการ Process กาแฟที่หลากหลายกว่าที่อื่น
- ประเทศไทยมีร้านกาแฟและโรงคั่วอยู่จำนวนมาก เมื่อผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้น พวกเขาย่อมมองหาผลิตภัณฑ์ที่พิเศษมากขึ้น การแบ่งสายพันธุ์กาแฟจึงมีความละเอียดซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการกาแฟไทยจึงรวมตัวกันเพื่อพัฒนาวงการ “กาแฟพิเศษ” หรือ “Specialty Coffee” ของประเทศไทยให้ไปไกลยิ่งขึ้น ผ่านการประกวดเมล็ดกาแฟ โดยกรรมการที่คัดมาแต่หัวกะทิของวงการเท่านั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงของศักยภาพที่เต็มเปี่ยมของบุคลาการในวงการกาแฟไทย
การตัดสินต้องชัดเจนและมีความยุติธรรม
- ต้องมีการพูดคุยและ Calibrate กันอย่างสม่ำเสมอตลอดการประกวด กรรมการต้องมีความสามารถที่ต่างกัน และยอมรับในความเห็นที่อาจขัดแย้งกัน เพื่อสนับสนุนและเดินทางไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
- การแข่งขันเป็นการสร้างตัวเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ในบางครั้ง มีที่ตัวเลือกมากขึ้นอย่างเดียวนั้นไม่พอ เพราะการเริ่มต้นยากเสมอ คู่แข่งทางการค้าควรหันมาจับมือกัน เพื่อผลักดันวงการไปข้างหน้า ร่วมมือกันสร้าง Ecosystem ที่เต็มไปด้วยสินค้าคุณภาพตั้งแต่ผู้ผลิต จนถึงมือผู้บริโภค เพราะหากคุณมีสินค้าที่หายาก มีคุณค่า และไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ คุณจะสามามารถกำหนดมูลค่าของสินค้านั้นด้วยตัวเองได้
ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดเทรนด์ที่ดีที่สุด
- ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดเทรนด์ที่ดีที่สุด เทรนด์การประกวดต่าง ๆ มาแล้วก็ไป แต่ขายได้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคด้วย เพราะกาแฟและเครื่องดื่มหลายชนิด มีข้อได้เปรียบ คือ ผู้บริโภคที่หลงใหลและได้ลิ้มลองผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่มีรสชาติเยี่ยมแล้ว ผู้บริโภคกลุ่มนั้นมักจะเสาะหาแต่ของที่ดียิ่งขึ้นไปอยู่เสมอ พวกเขาเหล่านี้พร้อมจ่ายเงินให้กับสินค้าที่มีคุณภาพและรสชาติที่เขาตามหา
สรุป
การสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตที่เห็นความสำคัญ การมอบความมั่นใจและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงจากวิถีเดิมเพื่อการพัฒนาไปสู่จุดที่ดีกว่าให้กับผู้ผลิต เป็นหนึ่งในโจทย์ที่ผู้ประกอบการต้องสื่อสารและแสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภค