สรุปจากงาน iCreator 2023 ใน Session “The Secret of 8 Minute History แกะสูตรการเล่าเรื่องยากให้แมสใน 8 นาที” โดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
ใครที่กำลังหาวิธีการทำคอนเทนต์ให้แมสห้ามพลาดกับสูตรลับจากรายการ 8 Minute History จาก The Standard
15 วิธีการเล่าเรื่องของ 8 Minute History
- ยุคนี้คือยุคที่คนทุกคนสามารถผลิตสื่อได้ด้วยตัวเองและถือเป็นยุคทอง
- ยุคนี้คนมีตัวเลือกสื่อให้เสพมากมาย ดังนั้นสิ่งสำคัญของคอนเทนต์ คือ เวลาที่ต้อง Concise และ Compact เพราะถ้ายาวเกินไปคนไม่มั่นใจ
- จะทำคอนเทนต์ต้องเข้าใจก่อน ถ้าคุณยังไม่สามารถอธิบายเรื่องนั้นได้ดี นั่นก็แปลว่าคุณยังไม่เข้าใจสิ่งที่พูดได้ดีเพียงพอ และนั่นจะส่งผลให้คนดูไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องควรกระชับเข้าใจง่ายและคุณต้องเข้าใจสิ่งที่คุณพูด
- การเล่าเรื่องให้สนุก มีข้อมูลเยอะก็ไม่ได้ส่งผลดี ดังนั้นต้องมีอะไรพิเศษหรือเพิ่มเติม เช่น ตัวละครลับแต่อ้างอิงอยู่บนความจริงมาเล่าให้เรื่องดูสนุกสนานมากขึ้น
- บนโลก Social Media ทุกคนอยู่บนระนาบเดียวกัน แปลว่า มีบางคนที่มีข้อมูลดีกว่าเรา รู้เยอะกว่าเรา โลกยุคนี้มีคนที่ช่วยจุดประกายความคิดให้เราตลอดเวลา
- ยุคนี้สร้างโอกาสให้ใครๆ ก็พูดได้
- สังคมยุคนี้ทำรายการมาจะมีคนคอยคอมเมนต์ว่าอะไรผิด-ถูก หรือควรเพิ่มเติมอะไรบ้าง ซึ่งนี่คือ Asset ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้สิ่งที่เป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยผู้คนหลากหลาย
- สิ่งไหนไม่ดีทิ้งไป สิ่งไหนที่ไม่ดีแต่เป็นประโยชน์ต่อคนฟังเก็บเอาไว้และขอบคุณเขา
- Stay Positive มองโลกในแง่บวก
- สิ่งใดก็ตามที่มีคำถามจากตัวเราหรือผู้อื่นนั่นก็คือ Opportunity หรือโอกาสเสมอ
- การใช้ภาษาในการทำคอนเทนต์ต้องมีความดึงดูด หาจุดจั่วหัวที่มีความน่าสนใจ
- สิ่งใดที่มีจุดน่าสนใจที่เป็นคำถามหรือ Curiosity สิ่งนั้นน่าทำเป็นคอนเทนต์ได้เสมอ
- เราคิดคอนเทนต์มาอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนดูหรือคนฟังทุกคน บางครั้งเราคิดว่าคอนเทนต์ดีมากเลยแต่เสียงตอบรับไม่ดีก็ถือว่าไม่แปลกเป็นเรื่องปกติธรรมดา
- โลกยุคปัจจุบันไม่มีอะไรมาขวางกั้นทุกคนเป็นเพื่อนกัน ก็สามารถเชิญครีเอเตอร์คนอื่นๆ มา Collab กันได้ เพื่อทำให้เกิดการร่วมกันของ Audience ทั้งสองฝ่าย
- การทำคอนเทนต์สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “รู้ผิดรู้ถูกไปเรื่อยๆ”
Scale's Takeaway
1. เข้าใจก่อนเล่า
การทำคอนเทนต์ต้อง “รู้จริง” ก่อนจึง “เล่าได้” หากยังไม่เข้าใจให้ดี ย่อม “เล่าไม่เข้าใจ” เช่นกัน
และอีกสิ่งสำคัญคือการเรียบเรียงเนื้อหาให้ “กระชับ” และ “เข้าใจง่าย” เสมอ
2. เล่าเรื่องให้สนุกและน่าสนใจ
เล่าเรื่องให้สนุกไม่จำเป็นต้อง “มีข้อมูลเยอะ” บางครั้ง “ความพิเศษ” เช่น การเพิ่มตัวละครลับในเนื้อเรื่องเพียงเล็กน้อย ก็ช่วยดึงดูดความสนใจได้เช่นกัน
3. เรียนรู้และพัฒนาไปเรื่อยๆ
ยุคนี้เปิดกว้างให้ใครๆ ก็สร้างสื่อได้ เสียงสะท้อนจาก “ผู้ชม” คือ “พลัง” ที่ช่วยพัฒนาคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้นได้ ดังนั้นการเปิดกว้างในการเรียนรู้และรับฟังเสียงของผู้ชมคือสิ่งสำคัญที่คุณควรมี
สรุป
เรียกได้ว่าสูตรทั้ง 15 ข้อจาก 8 Minute History ทำให้เราได้แนวคิดใหม่ๆ หรือแม้แต่เทคนิคเล็กๆ ที่เราอาจจะมองข้ามมันไปก็ได้ ใครอยากเล่าเรื่องยากให้แมสสามารถลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ได้นะคะ!